EP ใหม่ของ Adam Lambert มาพร้อมกับความฟังก์แบบทะลุเพดานนาน 21 นาที

EP ใหม่ของ Adam Lambert มาพร้อมกับความฟังก์แบบทะลุเพดานนาน 21 นาที

Be first to like this.

This post is also available in: English

ผมมีความฝัน(สะอาด)สองอย่างเกี่ยวกับ Adam Lambert โดยในฝันแรก เสียงร้องสุดหนักแน่นของ Lambert เข้าใกล้จุดที่จะทำลายนักวิจารณ์ แต่เป็นเสียงที่ทำให้แฟนๆป๊อปอิเล็กโทรต้องคลั่งไคล้ และในฝันที่สอง เกย์หนุ่มผู้มีอัลบั้มติดอันดับได้เข้าถึงศูนย์กลางแห่งเครื่องดนตรีและกลายเป็นศิลปินที่มีความบริสุทธิ์และความละเอียดอ่อนทางอารมณ์

ความเป็นนักวิจารณ์ในตัวผมเรียกร้องอยากให้ฝันที่สองเป็นจริง ในขณะที่ตัวผมที่เป็นแฟนคลับกำลังตั้งคำถามว่า “แล้วแบบนั้นมันจะไปสนุกอะไร” และ Velvet: Side A หนึ่งในสอง EP ได้ตอบคำถามนั้นอย่างชัดเจนว่ามันไม่มีความสนุกแม้แต่น้อย ใน EP ยาว 21 นาทีที่มาพร้อมกับ 6 เพลงโมเดิร์นฟังก์เริ่มต้นแบบไม่รอใครและพุ่งทะยานสู่ชั้นบรรยากาศอย่างรวดเร็ว

ดนตรีฟังก์ที่ดีที่สุดมักจะมีช่องว่างให้กับความเห็นของสังคมเสมอ — อย่างเช่นเพลง “Living for the City” ของ Stevie Wonder หรือ “Controversy” ของ Prince  — และนั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับเพลงนำชื่อ “Superpower” เพลงสำหรับขาแดนซ์ที่พูดถึงความน่าเกลียดของรัฐบาลในยุคปัจจุบันผสมผสานกับระดับความเกย์แบบ “Born This Way” ของ Lady Gaga และการแตกแขนงออกไปสองทาง — การมองไปในอนาคตพร้อมกับเรื่องทางการเมือง — คือรากฐานของผลงานของ Lambert ชิ้นนี้

“ผมคิดว่าเราจะต้องยึดมั่นในอุดมการณ์ในอุดมคติของเรา เพราะไม่อย่างนั้น เราจะไปถึงจุดที่เราหวังไว้ได้จริงหรอ” Lambert ถาม “หากเราไม่ทำแบบนี้ เราทุกคนก็จะยอมแพ้และไม่แยแสต่อสิ่งที่เกิดขึ้น และนั่นจะทำให้พวกคนที่ไม่ยอมรับความแตกต่างเป็นผู้ชนะ ซึ่งเป็นสิ่งที่เรายอมรับไม่ได้”

แล้วเราจะไปถึงจุดหมายนั้นได้ยังไง ในโลกของ Lambert นั้น ความชัดเจนเป็นกุญแจสำคัญ ความหรูหราไม่ใช่การดูถูกแต่เป็นการก้าวไปข้างหน้า เพลง “Stranger You Are” เตือนเราว่าอย่าลืมตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง ในขณะที่ “Ready to Run” คอยบอกให้ไม่ลืมว่าเราจะต้องค้นหาสวรรค์ที่เราไม่ต้อง“กลัวผู้ชายธรรมดาอีกต่อไป”

ในขณะที่คอนเทนท์ที่จริงจังของ Velvet: Side A จะทำให้เราเห็นภาพอนาคตที่สดใสของ Lambert แต่หัวใจของ EP นั้นก็อยู่ที่ความอีโรติกที่ซ้อนกันอยู่ในเพลง “Loverboy” การร้องเสียงสูงในเพลงอินดี้ป๊อปอย่าง “Overglow

“เป้าหมายของ [EP] นี้คือความรู้สึกเหนือกาลเวลา” เขาบอก “มันจะเป็นอะไรที่ฟังไม่แปลกหูในอีกสามปีให้หลัง โดยสาเหตุหลักๆก็คือการอ้างอิงจากศิลปินนักแต่งเพลงจากยุค 70 อย่าง Motown ซึ่งมีทั้งการร้อง การเล่นเปียโน ความฟังก์ และดนตรีเพื่อจิตวิญญาณ — ซึ่งเป็นอะไรที่หลายๆคนก็ยังคงหลงรักในทุกวันนี้”

หากจะสรุปให้ชัดๆก็คือความคลาสสิคนั่นเอง ขอต้อนรับทุกคนเข้าสู่ยุคทองของ Adam Lambert และเราแทบจะรอ Side B ไม่ไหวแล้วล่ะ

Velvet: Side A ของ Adam Lambert เปิดตัวแล้ววันนี้

ภาพจาก Joseph Sinclair

Quantcast